9/11: Inside the President's War Room (2021) สามารถดูได้ใน Apple TV+
1 | พอใกล้ครบ 20 ปี เหตุการณ์ 9/11 แต่ละช่องเลยทยอยปล่อยสารคดีรำลึกความสูญเสียออกมา ซึ่งคอนเทนต์ก็โฟกัสต่างกันไป บางเรื่องเน้นผู้รอดชีวิต, หน่วยกู้ภัยที่ถึงจุดเกิดเหตุชุดแรก, ของ Netflix ไปสัมภาษณ์ทหารผ่านศึก/เจ้าหน้าที่ CIA/สมาชิกในรัฐบาลอัฟกัน/ผู้นำทหารตาลีบัน สำรวจว่าทำไมอเมริกาถึงไม่ทันรับมือภัยคุกคาม, สัมภาษณ์ครอบครัวผู้รอดชีวิต, มีพาไปดูเชิงโครงสร้างอาคารหลังเหตุระเบิดปี 1993, มีสารคดีบรรยายการอพยพเจ้าหน้าที่ FBI ไปทำงานสืบสวนในลานจอดรถ แต่ที่วงในสุดน่าจะเป็นสารคดีเรื่องนี้จากฝั่ง Apple TV+ ที่พาจอร์จ บุช และคนใกล้ชิดเวลานั้นมาย้อนอดีตถึงบรรยากาศในวันนั้น พร้อมฟุตเทจจากบนแอร์ฟอร์ซวัน
.
2 | เราพยายามโฟกัสคุณภาพของสารคดีที่การนำเสนอข้อเท็จจริงมากกว่า ข้อเท็จจริงเกิดจากคำสัมภาษณ์ของทั้งรองประธานาธิบดี, นักข่าวที่ติดตามบุช, หน่วยอารักขาปธน., โฆษกทำเนียบขาว, เจ้าหน้าที่ระดับสูง, ที่ปรึกษาทำเนียบขาว ซึ่งทุกคนล้วนใกล้ชิดหรือทำงานร่วมกับจอร์จ บุช ในวันนั้น โดยมีฟุตเทจภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวประกอบให้เราเชื่อว่าสิ่งที่สัมภาษณ์เป็นเรื่องจริงแน่นอนว่าคนที่ได้เวลาออกอากาศมากที่สุดคือจอร์จ บุช
.
3 | "ใช้เวลา 20 ปี กว่าจะถึงวันที่กลายเป็นวันไร้ความหมายสำหรับคนจำนวนมาก แต่สำหรับคนที่เผชิญหน้าเหตุการณ์วันนั้น มันไม่มีทางไร้ความหมาย" แม้จะเป็นคำพูดจากการสัมภาษณ์จอร์จ บุช แต่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่าทีระหว่างสัมภาษณ์ที่มีความผ่อนคลาย มีรอยยิ้ม มีมุกตลก มันอาจจะกระตุ้นความรู้สึกหลายคนว่าจอร์จ บุช ไม่ได้คำนึงถึงบทบาทของเขาในฐานะอดีตปธน. ที่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายเกือบ 3,000 ศพ และมีอีกหลายครอบครัวต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก
.
4 | เพื่อความแฟร์ต่อจอร์จ บุช เรายังรู้สึกว่าเรื่องที่เขาถ่ายทอดถึงเหตุการณ์ 9/11 มันมีความจริงอยู่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับท่าทีของบุช แต่ฟุตเทจที่นำเสนอและการเปิดพื้นที่ให้อธิบายมันก็เพียงพอจะเข้าใจมุมมองของเขา อย่างโมเม้นต์นิ่งเฉยหลังจากหน่วยอารักขาแจ้งเหตุเครื่องบินลำที่สองพุ่งชนตึกเวิลด์เทรด เขาก็อธิบายว่าเลือกจะนิ่งเพื่อรักษาบรรยากาศไม่ให้ตื่นตระหนก ถ้ามองอีกมุมก็คือการปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานรวบรวมข้อมูลเพื่อรายงานต่อเขาอีกที และมันก็ยากที่เราจะไปตัดสินท่าทีวินาทีแรกของผู้นำหลังได้รับแจ้งเหตุที่ร้ายแรงขนาดนั้น
.
5 | อย่างไรก็ตามมีคนจับผิดนิดหน่อยว่า ตอนที่จอร์จ บุช เล่าอารมณ์ขันถึงคนขับรถในค่ายทหารว่า "ขับช้า ๆ ก็ได้ แถวนี้ไม่มีอัลกออิดะห์หรอก" เวลานั้นจอร์จ บุช ยังมืดแปดด้านไม่มีข้อมูลว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายเลย จึงมีสองมุมมองเกิดขึ้นว่า บุชมาเสริมเล่ามุกเองภายหลังตอนสัมภาษณ์ หรือเขารู้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้วเลยหลุดออกมา
.
6 | ระหว่างดูเราสนใจมาก ๆ ว่าหน่วยอารักขาปธน.มีขั้นตอนรับมือเหตุร้ายแรงขนาดนี้ที่ไม่มีในคู่มือ เขาต้องหาทางป้องกันสด ๆ อย่างไร ต้องเข้าใจว่าในเวลานั้นหน่วยอารักขาและทำเนียบขาว ไม่มีข้อมูลการโจมตีเลยว่าจะมารูปแบบไหนอีก ภัยจะถึงปธน.หรือไม่ กระทั่งการขับรถไปขึ้นเครื่องบินยังต้องเพิ่มการอารักขา ทั้งแบริเออร์ปิดกั้นถนนทั้งหมดเพื่อป้องกันเหตุคาร์บอมบ์ และใช้รถขนาบข้างอีกชั้นเพื่อรักษาระยะห่างจากรถปธน. หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คือมันได้เห็นทั้งกระทั่งการเปลี่ยนทิศทางขึ้นเครื่องบินบนรันเวย์แทบจะเป็นองศาชันสุด ๆ และการมีเฮลิคอปเตอร์บินต่ำและบินหลอกเผื่อเกิดการโจมตีทางอากาศระหว่างเดินทางไปยังทำเนียบขาว
.
7 | ได้เห็นว่าหน่วยอารักขาปธน. มีอำนาจเหนือกว่าปธน.บนแอร์ฟอร์ซวัน คือพวกเขามีหน้าที่ตามกฎหมายในการรักษาความปลอดภัยและกำหนดสถานที่ทำงานของปธน. จึงคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งขัดแย้งกับความต้องการของบุช ที่ต้องสวมบทบาททางการเมืองในฐานะผู้นำประเทศ ต้องกลับวอชิงตันเพื่อแสดงความเข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางของการออกคำสั่งปฏิบัติงาน ไม่ใช่ต้องมาคุยผ่าน vdo ในบังเกอร์ใต้ดินของค่ายทหาร พวกภาพนิ่งตอนบุชโกรธสะท้อนความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี
.
8 | โมเม้นต์ที่พูดถึงความเสียสละของผู้โดยสารเครื่องบิน United 93 คือน้ำตาไหลโดยอัตโนมัติจริง ๆ มันกระตุ้นให้เรานึกถึงตอนจบหนังเรื่อง United 93 ที่อารมณ์โคตรดิ่ง และในสารคดีนี้คนที่ถ่ายทอดความรู้สึกนั้นออกมาได้ดีที่สุดคือคนสุดท้ายที่สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ
.
9 | ใครไม่ได้สมัครสมาชิก Apple TV+ แต่อยากดู ให้รอวันที่ 11 กันยายน Apple TV+ จะเปิดให้ดูฟรีเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
Director: Adam Wishart
Genre: documentary
8/10
Search